
เมื่อเราเดินมาถึงจุดที่โลกออนไลน์ทำพิษปัญหาสุขภาพที่คาบเกี่ยวกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก็อาจตามติดจนเสี่ยงกับโรคปวดศีรษะระยะยาว
อาจพูดได้ไม่เต็มปากนักว่า
โลกออนไลน์ไม่มีความจำเป็นกับชีวิตของเรามากสักเท่าไร
เพราะในยุคปัจจุบันความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการใช้ชีวิตประจำวันของเราหลายสิ่งก็ราบรื่นได้เพราะโลกโซเชียลนี่แหละเนอะ
ทว่าเรืออากาศโท นายแพทย์กีรติกร ว่องไววาณิชย์ อายุรแพทย์สมองและระบบประสาท
โรงพยาบาลกรุงเทพ ก็ออกโรงเตือนมาว่า
หากมัวเพลิดเพลินกับสังคมก้มหน้ามากจนเกินพอดี ชีวิตนี้มีสิทธิ์เป็นโรคปวดศีรษะระยะยาวได้เลยล่ะค่ะ
ในยุคปัจจุบันสังคมออนไลน์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
ปริมาณการใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์
เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
จากในอดีตที่มีการใช้เพียงเพื่อโทรศัพท์หรือเช็กอีเมล ก็มีการเพิ่มระยะเวลาในการใช้งานนานมากขึ้น
บางคนใช้งานเกือบตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าถึงเข้านอนตอนค่ำ
มิหนำซ้ำยังวางไว้ข้างตัวขณะนอนหลับอีกด้วย
จนเกือบเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกายที่ขาดไม่ได้
แต่การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้นนี้
ส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบประสาทและกระดูกต้นคอ
เมื่อใช้ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานาน
สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยตามมาได้ โดยอาการผิดปกติที่พบได้บ่อยในกลุ่มคน
"สังคมก้มหน้า" คือ อาการปวดศีรษะนั่นเอง
เรืออากาศโท นายแพทย์กีรติกร
ว่องไววาณิชย์ อายุรแพทย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า
อาการปวดศีรษะเป็นอาการที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย เกิดจากสาเหตุที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นจากความไวที่มากกว่าปกติของระบบประสาทเอง
ซึ่งทำให้เกิดโรคปวดศีรษะไมเกรน หรือจากความผิดปกติอื่น ๆ เช่น เนื้องอกในสมอง,
เส้นเลือดในสมองแตก, ความดันในสมองผิดปกติ, ยาหรือสารเคมีบางชนิด
เป็นต้น
นอกจากนี้
การใช้งานสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มากเกินไป หรือใช้งานอย่างไม่ถูกท่าทางนั้น
ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้เช่นกัน
เนื่องจากการก้มหน้าใช้งานแก็ดเจ็ตเป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอเกิดอาการเมื่อยล้า
หรือเกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นก้อน และอาการปวดกล้ามเนื้อคอนี้
อาจส่งความปวดไปยังส่วนอื่นที่ใกล้เคียง เช่น ท้ายทอย, บริเวณขมับ,
รอบกระบอกตา หรือหน้าผากได้
ทั้งนี้เรืออากาศโท นายแพทย์กีรติกร
ว่องไววาณิชย์ ยังชี้แจงเพิ่มเติมมาว่า โรคปวดศีรษะระยะยาวเป็นโรคที่พบได้บ่อย
โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือใช้สมาร์ทโฟนอย่างไม่เหมาะสม
ซึ่งจะรู้จักกันดีในชื่อ "กลุ่มอาการปวดจากกล้ามเนื้อเกร็ง" หรือ Myofascial
pain syndrome (MFS) การก้มหน้าเป็นระยะเวลานานนั้น
ยังส่งผลต่อกระดูกต้นคอ ทำให้กระดูกต้นคอเกิดการรับน้ำหนักมากกว่าปกติถึง 6 เท่า
เกิดภาวะกระดูกคอเสื่อมก่อนวัย
หรืออาจถึงขั้นหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาทับเส้นประสาทได้
การเกิดกระดูกต้นคอเสื่อมนั้นถ้าไปกดทับเส้นประสาทสมองระดับที่ 1-4 (Cervical
nerve root level 1-4) ก็อาจเกิดอาการปวดศีรษะที่บริเวณท้ายทอย,
ด้านข้างศีรษะ, ขมับ, กระบอกตา,
หน้าผาก รวมถึงกลางกระหม่อมได้ ซึ่งทางการแพทย์จะเรียกว่าโรคนี้ว่า
"โรคปวดศีรษะจากความผิดปกติของคอ" หรือ Cervicogenic headache
เพลินอยู่กับสังคมก้มหน้า
เสี่ยงโรคปวดศีรษะระยะยาว !
นอกจากนี้
ขณะที่เราใช้งานสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์อยู่
แสงที่ออกมาจากหน้าจอหรือแสงสะท้อนจากหน้าจอยังสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบเฉียบพลันขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เป็นโรคไมเกรนอยู่แล้ว
รวมทั้งกล้ามเนื้อที่มีอาการเกร็งปวดบริเวณคอและศีรษะ
ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบรุนแรงเฉียบพลันได้อีกด้วย
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า
"พฤติกรรมติดสังคมก้มหน้า” อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้หลายชนิด
ซึ่งบางชนิดอาจมีความรุนแรงจนถึงขั้นต้องรักษาโดยการผ่าตัด
ดังนั้นการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสม จะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
ส่วนในกรณีที่มีอาการปวดศีรษะจากการใช้งานสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์แล้ว
อาจพิจารณาให้พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอาการอย่างเหมาะสมต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
โรงพยาบาลกรุงเทพ โดยเรืออากาศโท
นายแพทย์กีรติกร ว่องไววาณิชย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น